วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

ประวัติ Forex กับ กฎหมายไทย

หลายท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่า Forex ในต่างประเทศมีมานานแล้ว และถูกกฏหมาย(ของต่างประเทศ) ซึ่งตลาดตรงนี้ใหญ่มาก และถือเป็นแหล่งลงทุนของนักลงทุนที่แท้จริง (ระดับสูงกว่าการเล่นหุ้น) แต่ทำไมไม่ทราบ ประเทศไทยกลับกลายเป็นว่าการลงทุนในด้าน Forex ผิดกฏหมาย ??


          Forex ถือมีความจำเป็นยิ่งในประเทศไทย มีผู้ที่ให้บริการและที่ใช้บริการได้แบบไม่ผิดกฏหมายอยู่ ก็คือ พวกสถาบันการเงิน ธนาคารต่างๆ นั่นเอง ทำไมถึงจำกัดวงแคบ แค่นี้ ? ทั้งๆ ที่หากคุณศึกษาดูจะเห็นว่า ธนาคารต่างๆ ได้กำไรจาก Forex มากมายจริงๆ แต่ไม่อนุญาติให้บุคคลธรรมดา ทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้ ? นายแบงค์ระดับสูงบางคน Trade Forex เพื่อธนาคารของตนเองอย่างถูกกฏหมาย แม้กระทั่งผู้ว่าการธนาคารบางคน ยังเป็นประธานชมรม Forex แห่งประเทศไทยได้เลย (อย่างถูกต้องตามกฏหมาย) แต่ใครจะรู้ว่าบุคคลเหล่านี้อาจจะมีผลประโยชน์ทางอ้อม หรือ ทางตรง เค้าได้ Trade เองด้วยหรือไม่? Forex อนุญาติให้แค่คนกลุ่มเล็กๆ ในไทยเท่านั้นที่ทำได้!
          

          Forex จริงๆ แล้วทำเสียอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ได้มีพวกกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ทำการเปิดบริษัท Forex บังหน้า แต่ว่าทางการเงินจริงๆ แล้ว ไม่ได้ Trade จริงๆ แต่หลอกให้ คนโอนเงินมาไว้กับตนเยอะๆ เอาเงินคนเสียมาจ่ายคนได้ ซึ่งโดยรวมแล้วจะมีคนได้น้อยกว่าคนเสีย ทำให้บริษัทอยู่ได้ แต่พอนานๆ เข้า คนได้มีมากกว่าหรือ อาจจะเพราะบริษัทต้องการปิดหนีเลยไม่จ่าย ตรงนี้ไม่ทราบ!แต่ที่แน่ๆ คนเดือดร้อน คือประชาชนที่ลงเงินลงทุนไปแล้ว ไม่สามารถตามเงินคืนได้
  

          ความเสียหายนี้เกิดเป็นวงกว้างหลายพันล้านบาท จึงทำให้รัฐต้องออกกฏหมายเพื่อระงับแชร์ลูกโซ่ประเภทนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ Forex บังหน้า ผลก็คือ ตั้งแต่นั้นมา Forex เลยถูกห้าม เพราะจะคิดว่าเป็นการหลอกลวงมาตลอด จนถึงปัจจุบัน (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ แต่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของแชร์ลูกโซ่เฉยๆ) ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็เลยห้ามมาตลอด ผมกลับคิดว่า ตอนมีแชร์ข้าวสาร ทำไมไม่ห้ามซื้อขายข้าวสารล่ะ ?? จะได้เข้าใจว่า Forex ไม่ได้ผิดอะไร การไม่เปิดให้บริการทำให้ระบบการเงินของประเทศไม่มีความหลากหลายอีกด้วยซ้ำ
   

          ซ้ำร้าย นับแต่นั้นเรื่อยมา กลุ่มปราบปรามการเงินนอกระบบ จึงตั้งหน้าตั้งตาม ปิดบริษัท Forex ในเมืองไทยมาตลอด โดยจะห้ามเด็ดขาดและหากจับได้ก็จะใช้ พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เป็นบทลงโทษ (ดูซิครับ!ขนาดกฏหมายที่ห้าม ยังดูไม่ค่อยออกเลยว่ามันผิดที่ Forex หรือคนที่นำไปเป็นเครื่องมือ) จนปัจจุบันเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตดีขึ้น คนที่หาข้อมูลหา ธุรกิจ จะทราบดีแล้วว่า
   

          Forex เป็นเรื่องทั่วไป เป็นปกติของตลาดโลก (แต่ลองถาม ชาวบ้านทั่วๆ ไป เค้าจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งหลอกลวงแทน) ตอนนี้ใครจะเล่นก็ได้ครับ เพราะเล่นกับผู้ให้บริการที่ถูกกฏหมาย(ของต่างประเทศ) แทนแล้ว ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็คือ คุณเล่นการพนันผิดกฏหมายในไทย แต่ถ้าคุณไปเล่นลาสเวกัสมันก็ไม่ผิดอะไร แน่นอนปัจจุบันรัฐก็พยายามเต็มที่อย่างไม่ลืมหูลืมตาจับคนให้บริการ Forex หรือ คนเล่นมาลงโทษไม่ได้ ผมเลยอยากจะเตือนใจคนเล่น Forex จุดนี้ไว้

   

          คุณรู้ไหม รัฐเคยออกข่าวด้วยนะครับว่า มีคนไทยเปิดบริษัทหลอกลวงให้บริการ Forex โดยใช้เว็บไซต์เป็นสื่อกลางชื่อว่า Northfinance แล้วคิดดูครับว่า เค้าหลับหูหลับตาทำขนาดไหน..?
   
          
          ตอนนี้ รัฐพอจะทราบแล้วครับว่าแนวโน้มต่อไปไม่ใช่บริษัทหลอกลวงในไทยแล้วครับ แต่เป็นว่าการเข้าถึงบริษัท Forex ในต่างประเทศจริงๆ นั้น ทำได้ง่ายขึ้นในวันนี้เพราะมี Internet แน่นอน เค้ายังไม่ยอมแพ้ครับ เลยออกกฏมาเพิ่มเติม ดังนี้
   
          1. กรณีผู้ให้บริการอยู่ในประเทศไทย การทำธุรกรรมดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
   
          2. กรณีผู้ให้บริการดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ เมื่อบุคคลในประเทศต้องโอนเงินออกไปเพื่อชำระหนี้ตามธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงิน จะไม่ได้รับอนุญาตให้โอนเงินออก และมีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
   
          คำว่าผู้ให้บริการ ที่เราๆ เข้าใจกันก็คือ Broker นะครับ ถ้าเล่นผ่านเน็ตส่วนใหญ่ข้อ 1 ก็ตัดทิ้งไปได้เลย แต่ข้อ 2 ผมแนะให้สมาชิกทราบกันนิด เค้าอาจจะเอาผิดคุณได้ ถ้ามีหลักฐานว่าคุณเล่น Forex ที่ต่างประเทศ โดยหลักฐานที่ว่าน่าจะเป็น การโอนเงินให้กับ Broker โดยตรง เช่น การไปโอนที่ธนาคาร หรือ การตัดบัตรเครดิต หรือการโอนเงินกลับมาในประเทศจาก Broker ตัดโดยตรง


          ดูซิครับ! เค้าจะเล่นงานคุณขนาดไหน แต่วันนี้ คุณยังไม่ต้องกลัวนะครับถ้ายังไม่ได้ทำธุรกรรมกับการเงินกับทาง Broker โดยตรง เพราะหากเป็นแค่การใช้งานโปรแกรมจริงๆ แล้วไม่มีหลักฐานทางการเงิน ก็เหมือนกับคุณเล่นเกมส์ Poker เงินปลอมเท่านั้นเอง ไม่ผิดอะไร เป็นแค่ความบันเทิงใจของเรา
   

          ผมไม่ใช่พวกต่อต้านกฏหมายนะครับ คิดว่ากฏหมายการฟอกเงิน กฏหมายเกี่ยวกับ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องบอกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว ไม่ควรเหมารวมเอา Forex เป็นเครื่องมือ และน่าจะเปิดเสรีด้านนี้ไปได้แล้ว จะได้เจริญตามต่างประเทศที่เค้ามี Forex ถูกกฏหมายกันซะที ประเทศที่ไม่มีอะไรเลย เช่น สิงค์โปร ฮ่องกง ทำตัวเป็น Broker อย่างเดียวก็รวยกว่าเราแล้ว ทำไมเราทำให้ดีได้กลับไม่ทำแถมห้ามอีก   จากคนเคยโดยรัฐเล่นงาน

 
          อันนี้ครับ! จะเห็นว่าทำไมกองทุน กบข.กลับ Trade ได้ ประชาชนทั่วไปห้ามทำ! แทนที่จะสนับสนุนคนไทยไปลงทุนต่างประเทศบ้าง แต่กลับห้ามด้วยซ้ำ..!




สนับสนุนไม่ให้คุณถูกหลอกนะครับ ข่าวบางอย่างก็ถูกต้องและควรรับฟังอย่างยิ่ง และสนับสนุนให้คุณไม่ทำผิดกฏหมายด้วยนะครับ กฏเค้าออกอะไรมา เลี่ยงได้ก็อย่าไปฝืนกฏนะครับ แต่ถ้าไม่ผิดกฏและคิดว่าไม่ถูกหลอกก็ทำไปได้เลยครับ เดี๋ยวอนาคตรัฐคงเข้าใจเอง


ที่มา:thaiforexschool.com/index.php?topic=264.0
   

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

มอง 4 สภาวะตลาดผ่านElliott Wave ตอน 2



วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

เคล็ดลับการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ


เคล็ดลับการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

 

          มีบทสรุปที่เขารวมไว้ พูดถึงสิ่งที่เป็นเหมือนหลุมพรางทางจิตวิทยา 6 อย่างที่ trader จะต้องเอาชนะก้าวข้ามไปให้ได้ ว่าไปทีละอย่างเลยนะครับ

          1. อย่าพึ่งพาคนอื่นมากจนเกินความจำเป็น ท่องคติไทยที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนให้ขึ้นใจ จะมีผู้คนมากมายทั้งปรารถนาดี/ไม่ดี มาให้ข้อคิด คำแนะนำ อย่างมากต่อท่าน เช่น  broker เพื่อน เซียน เราจะทราบได้อย่างไรว่าเขาเหล่านั้นเป็น Guru จริงๆ จริงอยู่อาจจะมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง ข้อแนะนำในการรับความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้นขอให้จำกัดเพียงแค่การอำนวยความสะดวก หรือข้อมูลข่าวสารของสิ่งที่เรา trade อยู่

          2. เมื่อผิดอย่าโทษคนอื่น ขอให้โทษตัวเองไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ผมว่าวินัยข้อนี้จำเป็นนะครับ เพราะหากเราไม่ฝึกฝนให้รับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ขบวนการตัดสินใจจะไม่ยึดผลประโยชน์ของเราเป็นที่ตั้งได้

          3. เน้นระยะยาว อย่าปรับวิธีการ trade โดยพิจารณาเพียงผลการ trade ระยะสั้นเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างจะมีวันที่ดีและวันที่ไม่ดี ผลการ trade ในระยะสั้นอาจจะดูดี แต่ตามสถิติแล้วมันมีปัจจัยทางด้านโชคมาเกี่ยวข้องมากกว่าระยะยาว ตัวอย่างมีให้เห็นมากมายครับ อย่างการเข้า/ออกในหุ้น หรืออัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะลงเอยด้วยการขาดทุนหรือไม่ก็ได้กำไรไม่พอค่าใช้จ่าย เช่น  Brokerage Fee หรือ bid/offer spread ครับ

          4. อย่าประเมินความยากของการเอาชนะความรู้สึกแย่ๆ ต่ำเกินไป เช่น แผนการเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จเมื่อสัปดาห์ก่อนอาจจะเป็นแผนที่แย่มากในสัปดาห์นี้ก็ได้ ซึ่งเราต้องเอาชนะความรู้สึกแย่ๆ เช่นนั้นให้ได้และมุ่งมั่นต่อไป เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "นักรบย่อมมีบาดแผล" ไหมครับ ตราบใดที่ยังเป็น trader อยู่ ขอให้มองการขาดทุนเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต (a  part  of  the  game) ไม่มีใครเอาชนะตลาดได้หรอกครับ แต่เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของตลาดในส่วนที่สำเร็จได้

          5. อย่าคึกมากเมื่ออยู่ขาขึ้น คนที่ได้เงินจากการเก็งกำไรมากๆ ติดต่อกัน จะรู้สึก "คึก" เป็นพิเศษ อยากจะเพิ่มขนาดของการเก็งกำไรให้มากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดมากนะครับ ช่วงจังหวะที่ควรเพิ่มขนาดการ trade น่าจะอยู่หลังจากที่เราเสียอย่างต่อเนื่องมากกว่า

          6. อย่าเหี่ยวลงเมื่ออยู่ขาลง ข้อนี้ตรงข้ามกับข้อ 5 ข้างบน มีคนเคยกล่าวไว้ว่าการเก็งกำไรเหมือนกับการเล่นกอล์ฟ นักกอล์ฟทุกคนไม่ว่าจะตีเก่งหรือไม่เก่งต้องมีช่วงตีที่ดีและไม่ดี เมื่อตีดีก็ดีใจว่าได้ "วง" ที่วิเศษหาอยู่นานมาไว้กับตัว เมื่อตีแย่ก็จะรู้สึกว่าจะต้องออกจากช่วงนี้ได้อย่างไร  trader ก็เหมือนกัน ตอนได้ผลตอบแทนดีๆ ก็ฮึกเหิมว่าเราเก่ง ทำเงินได้มากและอยาก  trade มากขึ้น ตอนขาดทุนก็อยากจะเลิก trade ไปเลย สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือให้ยึดมั่นทางสายกลาง ความพอดี ดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก แต่เมื่อลองทำดู ถึงแม้ว่า control ไม่ได้ทั้งหมด จะพบว่าเราสามารถจะทำให้ trading นั้นมีความยั่งยืน (sustainable) ได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสองขั้วแบบสุดๆ เสมอไปครับ

          ขอให้จดจำไว้และฝึกปฏิบัติจะเห็นผลในทางที่ดี อีกนิดหนึ่งแถมท้าย  trader ที่ดี นอกจาก 6 ข้อข้างบนแล้ว จะต้องเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ สมดุล และควบคุมสภาวะจิตใจของตัวเองให้ได้ เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากนะครับ ไม่ว่าคุณจะ trade อะไร ทองคำ น้ำมัน FX ดอกเบี้ย เราจะประสบความสำเร็จครับ ขอให้โชคดีนะครับ


ที่มา-ไทยโพสต์

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

E/Uวันที่15 เมษา56



          ทีแรกว่าจะลงแค่ U/J แต่เห็น E/U น่าสนใจ กราฟ day ก่อนจะเทรดสั้น TF เล็ก ต้องมาดู TF ใหญ่ๆกันก่อนผลเป็นยังไง ก็ต้องเผื่อมาจิ้นไว้แก้ทางเยอะๆไว้ก่อนนะฮาฟฟฟฟ  มาจิ้น มีผลทางจิตวิทยา กับนักเทรด อย่างแรง จงมีสติ และใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ^^"

U/J weekly 15 เมษา 56



            U/J วันนี้ วันที่ 15 เมษายน 2556 อยู่ นครสวรรค์ครับ ฝนตกนิดหน่อยพอได้ครายร้อน ไม่ได้ออกไปใหนเบย ..นั่งฟังเพลง กับเทรดแก้เบื่อ อะ หลังอาทิตย์ที่ผ่านมา นั่งแก้เกมจาก ค่าเงินเย็นร่วง กลับมา บวก แล้วก็ปิดออเดอร์ไปแล้วครับ ไปดูที่ TM weekly ก็เป็นแบบรูปที่เห็นครับ คันไม่คันมือ จัดไปซะหน่อย แล้วมารอดูผลกัน เป้าก็คงเป็น ใกล้เส้นแดง แหละ เทรนไลย์ มันจะมาถึงเปล่านะ


วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

What qualities do top traders have?

People often ask me questions like, "What qualities do top traders have?" One person even hired me on a consulting basis for a half day to get my answers to this question. However, paying a sizable fee for that information is unnecessary. Here are the five most important characteristics that I have found researching top traders.

1. A belief that you create your results in life. 
Most people don't understand this concept. They repeat the same mistakes over and over again because they blame their mistakes on external factors. For example, if you blame your bankruptcy in one of my marble games on the person who pulled the 5R marble against you, you are not taking responsibility for your position sizing error of risking 20% (or more!) of your equity on a single trade. Consequently, you'll repeat this mistake over and over again and there will always be someone to blame for pulling the 5R marble against you.

Conversely, top traders are constantly determining how they produced their results and working to correct their mistakes. They create their reality.

2. The interest and desire to really understand yourself.

You cannot understand how you create your own results if you don't know yourself intimately. I believe that most people live their lives like the automatons in the movie, The Matrix. They just do their thing, not realizing how much they have been programmed by their culture, and their family and friends rather than understanding that they always have a choice in everything.

The great traders I know continually study and challenge themselves, their thinking, their actions, and their reactions. 

3. Discipline to continually work to improve yourself.

Top traders often have a passion to work on themselves. A good trader will probably complete the Peak Performance Course once or twice and internalize many aspects of it. A top trader, or a potential top trader, will go through the course many times and develop a discipline that involves spending 1-4 hours each day working on improving himself or herself.

Several years ago we held a private workshop for one of the best traders in the world. I expected to go out to dinner with him after the workshop and get to know him better; that did not happen. Instead, his entire day was so meticulously planned (i.e., so he could fit in all of his daily disciplines) that he had exactly the amount of time to attend the workshop but—literally—not three minutes more.

Discipline of that nature creates excellence.

4. The ability to strategize well. 

Good traders tend to excel at high skill games (e.g., poker, backgammon, chess, blackjack) because they can create good strategies and stick with them.

Top traders execute their strategies based on robust business plans that they have created to guide their trading. They have taken the time and effort to form meaningful objectives. They have also developed effective strategies to reach those objectives by understanding the multiple scenarios that are possible and how they will respond. 

5. The ability to get in the zone. 

Top traders can become one with the market and accurately sense what it is doing. They have the ability to live in the present moment without being influenced by the past or the future. It's a very intuitive state and often gives them a total sense of how successful their moves will be in the market even before they make them.

Now, take a look at yourself and consider honestly if you have what it takes to be a top trader. 

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

มอง 4 สภาวะตลาดผ่านElliott Wave บทนำ


บทความของคุณ วุฒิชัย อินทร์สว่าง


คําชี้แจง

         สวัสดีเพื่อนๆนักลงทุนทุกท่านครับ หลายปีก่อนผมได้นําเสนอทฤษฏี 4 สภาวะตลาดไปซึ่งเป็นการพูดถึงลําดับขั้นของแนวโน้มอันประกอบด้วย
       1.เริ่มต้นแนวโน้มหรือตั้ง Trend
       2.มีแนวโน้มหรือแนวโน้มแข็งแกร่ง
       3.แนวโน้มแสดง

         สภาวะตลาดที่ผมได้เคยนําเสนอไปนั้นเป็นแนวคิดที่สามารถมองได้จากหลากหลายมุมทั้งTechnical และ Fundamental เพราะเหตุที่ยังเป็นแนวคิด (Concept) มันจึงต้องผ่านกระบวนการสังเคราะห์เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับแนวคิดขึ้นมา  หลายท่านนําแนวคิดดังกล่าวเป็นแกนในการตั้งสมมติฐานโดยผ่านมุมมองตามที่แต่ละคนถนัดแพิสูจน์ออกมาจนกลายเป็นระบบการวิเคราะห์ราคาในแบบต่างๆ

         สําหรับหนังสือเล่มนี้ผมขอนําเสนอมุมที่มองจาก Elliott Wave บ้าง ซึ่งอันที่จริงแล้วแนวคิด 4 สภาวะตลาดนี้ผมสร้างมันขึ้นมาจากทฤษฏี Elliott Wave ตั้งแต่ต้น แต่ไม่ได้สังเคราะห์ออกมาเป็นวิธีการให้จับต้องได้ หนังสือเล้มนี้จึงเป็นเสมือนการเติ้มเต็มหรือ Jigsaw Puzzle อีกชิ้นที่ขาดหายไปการใช้หนังสือเล่มนี้ผู้ใช้จําเป็นที่จะต้องมีความรู้ในเรื่องทฤษฏี Elliot Wave เป็นอย่างดีทั้ง กฎ รูปแบบข้อยกเว้น Relationships และการตรวจสอบ การใช้งานหนังสือเล่มนี้โดยขาดความรู้ในสายแกนหลัก (ElliottWave) ผมไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น แต่หากผู้ที่มีความรู้ Elliott Wave ดีอยู่แล้วหนังสือเล่มนี้จะเป็นอีกหนึ่งแผนที่และเข็มทิศที่จะช่วยนําทางให้ท่านเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างแน่นอนครับ



วุฒิชัย อินทร์สว่าง



สภาวะตลาด

สภาวะแยกได้เป็น 4 ช่วงดังนี้

1. เริ่มต้นแนวโน้ม สภาวะนี้ยังไม่มีใครบอกได้ว้าจะเกิดแนวโน้มใหม่จริงๆหรือไม่ เพียงให้สันนิษฐานว่าแนวโน้มเก่าจบไป
แล้วและกําลังเริ่มต้นแนวโน้มใหม่เท่านั้น สิ่งที่ต้องทําสําหรับสภาวะนี้คือ "รอ" ถ้าใครที่ไม่รอสังเกตว่าช่วงนี้จะเล่นกันได้ทั้ง
Long และ Short และจะได้ๆเสียๆสลับกันไป

2. แนวโน้มชัดเจนและแข็งแกร่ง สภาวะนี้เป็นผลและถูกขับดันมาจากข้อ 1 คือมีแนวโน้มจริงหรือไม่ ถ้ามีแข็งแกร่งหรือไม่
ดูได้จากสภาวะเริ่มต้นแนวโน้ม สิ่งที่ต้องทําคือ ตักตวงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยเทรดตามแนวโน้มเท่านั้น ช่วงนี้ส่วน
ใหญ่จะเล่นไปทางเดียวกันทั้งหมด มักไม่ค่อยพลาดจะกํารี่กําไรกันซะส่วนใหญ่

3. ช่วงแสดงท่าทีหมดแนวโน้ม (แนวโน้มอ่อนแอ) ก่อนที่แนวโน้มนั้นๆจะหมดเพื่อเปลี่ยนแนวโน้ม (หรือเกิดการปรับฐาน
ครั้งใหญ่เพื่อวิ่งไปในทิศทางเดิม) จะเกิดรูปแบบการเตือนล่วงหน้า (ไม่ใช่นึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน) เมื่อเตือนแล้วราคาจะวิ่ง
ไปในทิศทางเดิมต่อไปได้อีกสักระยะ นักลงทุนบางส่วนจะยังคงเชื่อว่าแนวโน้มยังมีอยู่จึงลงทุนในแนวโน้มเดิมอย่าง
ต่อเนื่องและบางส่วนก็เพิ่งจะเชื่อว่ามีแนวโน้มเกิดขึ้นจริงๆจึงเริ่มที่จะเข้าตลาดโดยหารู้ไม่ว่าช้าไปเสียแล้วเพราะตลาด
กําลังจะหมดแนวโน้มและอาจเปลี่ยนทิศทางในไม่ช้า ส่วนนักลงทุนที่เริ่มเฉลียวใจจะหยุดดูอยู่นอกตลาดรอการ
เปลี่ยนแปลงเท่านั้น สังเกตว่าช่วงนี้แมงเม่ายังเริงร่ากันอยู่

4. ช่วงเปลี่ยนแนวโน้ม (แนวโน้มเดิมจบลง) ช่วงนี้แมงเม่าจะยังคงเชื่อเช่นกันว่าแนวโน้มเดิมยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าจะเสีย
ติดๆกันหลาย Order ก็ยังคงเข้าซื้อขายตามแนวโน้มเดิมอยู่ สังเกตว่าช่วงนี้แมงเม่าจะ Draw Down กันซะส่วนใหญ่
บางส่วนที่เล่นแบบ Trend Follow แบบไม่นิยมตั้ง SL ก็จะโดนลากมา Margin Call พวกหลังนี่หนักหน่อยเพราะได้กําไร
แบบเต็มๆโดยไม่ปิดลบสัก Order จากสภาวะที่ 3 ความมั่นใจจึงเกินร้อย (ย่ามใจ) ส่วนนักลงทุนที่เข้าใจและมองเห็น
สภาวะจะหยุดรอเท่านั้น

5. เริ่มต้นที่สภาวะที่ 1 ใหม่
จะสังเกตได้ว่าป็นหาหลักๆมี 2 ข้อ คือ 1.ไม่รู้จักและไม่เข้าใจในสภาวะของตลาด 2.ไม่รู้จักรอกลัวไม่ได้เทรด ซึ่งจังหวะ
ของการเข้าตลาดนั้นมีเพียง 1 จังหวะจาก 4 จังหวะเท่านั้นเอง นักลงทุนที่ประสบความสําเร็จส่วนใหญ่จึงใช่เวลาในการ
วางแผน วิเคราะห์ และศึกษา มากกว่าเวลาในการเปิดสถานะซื้อ-ขายหลายสิบเท่าตัว



วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

ตลาด Forex คืออะไร?


ตลาด Forex คือตลาดทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสิ่งที่ซื้อ-ขายกันในตลาดนี้คือเงินตราสกุลต่างๆ ครับ โดยตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 1.9 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐ มากกว่าทุกตลาดทางการเงินในโลกนี้รวมกัน!

ตลาด Forex มีตลาดใหญ่ๆ อยู่ที่ ญี่ปุ่น ลอนดอน นิวยอร์ค และยังมีตลาดที่ออสเตรเลีย กับยุโรป อีกด้วย ซึ่งการที่มีตลาดเปิด และปิดในหลายพื้นที่ของโลกเหลื่อมล้ำกัน จึงทำให้เสมือนหนึ่งตลาดนี้ ไม่มีวันหลับไหล โดยสามารถเริ่มเข้าตลาดได้ตั้งแต่ตี 4 เช้าวันจันทร์ จนถึงตี 4 เช้าวันเสาร์ (ตามเวลาในประเทศไทย) ตลอด 24 ชั่วโมง!!!

ก่อนอินเตอร์เน็ทจะแพร่หลาย ตลาดการเงินแห่งนี้จะมีผู้เล่นหลักเฉพาะในกลุ่ม ธนาคาร กองทุน ผู้นำเข้า และส่งออก และในกลุ่มของคนที่ใกล้ชิดวงการธนาคาร แต่เมื่ออินเตอร์เน็ทเริ่มบูม ก็เริ่มมีการพัฒนาระบบเทรดบนอินเตอร์เน็ท และเริ่มมีผู้ให้บริการ (โบรกเกอร์) มากขึ้น

จนกระทั่งเริ่มมีโบรกเกอร์ที่ให้บริการสำหรับนักลงทุนรายย่อย และมือใหม่ที่เริ่มสนใจตลาดเงินให้สามารถเริ่มต้อนได้ด้วยทุนเพียง $1 - $500 เท่านั้น!

หลายคนอาจจะเริ่มสงสัย ว่าด้วยทุนเพียง $1 จะสามารถทำกำไรได้อย่างไร

นี่แหล่ะครับ คือความน่าสนใจอีกข้อของตลาดนี้ คือระบบที่เรียกว่า Leverage ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีทุนน้อย สามารถทำกำไรได้เสมือนหนึ่งมีทุนเป็นแสน เป็นล้าน ไว้เดี๋ยวจะอธิบายต่อไป

สรุปความน่าสนใจของตลาด Forex
เงินลงทุนต่ำ ต่ำสุดเพียง $1
ตลาด online ผ่าน Internet 24 ชั่วโมง ดำเนินการทุกอย่างผ่าน Internet
ไม่มีคนกลาง คำสั่งซื้อ-ขาย เป็นระบบอัตโนมัติ ไท่พลาดทุกคำสั่งซื้อ-ขาย
สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง
ค่าดำเนินการต่ำ โบรกเกอร์เก็บค่า spreed ตั้งแต่ 1 - 20 pips ต่อเทรด ขึ้นอยู่กับคู่ของค่าเงินที่เทรด
มี demo account สามารถทดลองเทรดได้เสมือนจริง บนระบบจริง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ประวัติของ Forex



ประวัติของ Forex    >>>  คลิก

ตอนนี้คุณจบการศึกษาระดับ มหาวิทยาลัยของ BabyPips.com บางทีคุณคงรู้สึกอยากจะเทรด
ตะหงิด ๆ แล้ว แต่ว่า ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นเดินทาง คุณยังต้องใช้อีกอย่างหนึ่ง !

เราต้องการให้คุณได้สิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นเราเลยตัดสินใจสร้างบทนี้เข้ามา ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือก
โบรคเกอร์ได้เหมาะสมกับคุณ เราจะมาเริ่มกันด้วย ประวัติของโบรคเกอร์รายย่อย

ที่ผ่านมาอินเตอร์เนทมีส่วนอย่างมากที่นาเรามารู้จัก YouTube Facebook Twitter
Babypips.com .. ใช่แต่เราต้องการพูดถึงเรื่องฟอร์เร็ก

การเทรดฟอร์เร็กของรายย่อย !

จริง ๆ แล้ว ฟอร์เร็กรายย่อยอย่างเรา ๆ คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีออนไลน์โบรคเกอร์ ต้องย้อนไป
ในช่วงปี 90 มันยากมากในการเข้าเทรดในตลาดเพราะว่า ต้นทุนการดาเนินการสูง ซึ่งช่วงนั้น
รัฐบาลนั้นรัฐบาลควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเคร่งครัด

หลังจากนั้น CFTC ตัดสินใจว่าพอ พวกเขาผ่านร่างตั้งหน่วยงานชื่อ Commodity Exchange
Act และ Commodity Futures Modernization Act เพื่อเปิดประตูไปสู่ โบรคเกอร์ออนไลน์
ตั้งแต่นั้นมาทุกคนที่เข้าอินเตอร์เนทได้สามารถเปิดบัญชีกับโบรคเกอร์ได้ง่ายและสะดวก

หลายโบรคเกอร่ได้เปิดขึ้น และใช้ความนิยมที่มีในความนิยมของธุรกิจฟอร์เร็ก แต่ว่าตอนนี้มัน
เยอะเกินไป จึงยากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างโบรคเกอร์ที่ดี และ ไม่ดี เราไม่ได้ล้อเล่นเรื่อง
โบรคเกอร์ไม่ดี

โบรคเกอร์แต่ละประเภท

ขั้นแรกในการเลือกโบรคเกอร์คือการหาว่าคุณต้องการแบบไหน คุณไม่ต้องเดินไปร้านอาหาร
แล้วสั่งอาหาร นอกจากคุณจะเป็นลูกค้าที่นั่นบ่อย คุณต้องดูเมนูก่อนใช่ไหม? สิ่งแรกที่เราต้อง
ดูคือพวกเขาให้อะไรได้บ้าง

มีโบรคเกอร์อยู่สองประเภท : Dealing Desks (DD) และ No Dealing Desksซึ่ง Dealing
Desk (NDD) หรือเรียกอีกอย่างว่า Market Maker ขณะที่ No Dealing Desks สามารถ
แบ่งเป็นอีกคือ Straight Through Processing (STP)แล Electronic Communication
Network + Straight Through Processing (ECN+STP).

แล้วโบรคเกอร์ประเภท

คือโบรคเกอร์ที่ดาเนินการผ่าน Dealing Desk (DD) brokers ซึ่งพวกเขาทากาไร จากการกิน
ค่า Spread และ การรับออร์เดอร์เทรดตรงข้ามกับลูกค้า ซึ่งพวกเขาจะอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน
จากตลาดฟอร์เร็ก ขณะนี้คุณอาจจะคิดว่า มันขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์อยู่ แต่ว่าไม่มีหรอก
Market Maker นั้นรับออร์เดอร์ทั้งสองประเภทคือ Buy & Sell ซึ่งแล้วแต่การตัดสินใจเทรดของ
นักเทรด

เพราะ market maker นั้นสามารถควบคุมราคาได้ ยังมีความเสี่ยงนิดน้อยเนื่องจากมีการ Fixed
Spread (คุณจะเข้าใจว่ามันดียังไง) และลูกค้าของ Dealing Desk โบรคเกอร์จะไม่ได้ส่งเข้า

Market Maker คืออะไร?

ตลาดกลาง แต่อย่าพึ่งกลัว การแข่งขันระหว่างโบรคเกอร์นั้นสูงมาก ทาให้ราคานั้นเหมือนกับ
อัตราของธนาคารกลางเสมอ

การเทรดโดยใช้โบรคเกอร์ Dealing Desk โบรคเกอร์นั้นทางานอย่างนี้ :

สมมุติว่าคุณส่งออร์เดอร์ Buy ค่าเงิน EUR/USD 100,000 หน่วยกับ โบรคเกอร์ Dealing Desk
ของคุณ พวกเขาจะพยายามแมทกับออร์เดอร์ Sell กับลูกค้าคนอื่นก่อน แล้วหลังจากนั้นจะผ่าน
ออร์เดอร์ของคุณไปยังผู้ที่รับออร์เดอร์ของ หรือคนที่คอยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด

การทาแบบนี้พวกเขาต้องการจากัดความเสี่ยง และเขาก็ได้เงินจากค่า Spread โดยไม่ต้องรับ
ออร์เดอร์ของลูกค้า อย่างไรก็ตามถ้าเกิดมีออร์เดอร์ที่ไม่ แมทช์ พวกเขาก็ต้องยอมรับออร์เดอร์
ของคุณ จาไว้ว่า แต่ละโบรคเกอร์ก็มีนโยบายความเสี่ยงแตกต่างกัน ดังนั้นต้องเช็คเงื่อนไขกับ
โบรคเกอร์ของคุณด้วย

อะไรคือ

No Dealing Desk Broker?

ตามที่แนะนา ตามชื่อของมัน No Dealing Desk (NDD) พวกเขาจะไม่เอาออร์เดอร์ของพวก
เขาไปให้ Dealing Desk เป็น Broker นั่นคือพวกเขาไม่รับออร์เดอร์เทรดของลูกค้า

NDDs เป็นเหมือนกับผู้สร้างสะพาน พวกเขาสร้างโครงสร้าง NDDs และคิดค่าธรรมเนียมน้อย
นิดในการเทรด หรือบางทีอาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย

No Dealing Desk สามารถเป็นได้ทั้ง STP หรือ STP+ECN โบรคเกอร์

แล้ว STP โบรคเกอร์คืออะไร?

บางโบรคเกอร์นั้นบอกว่าพวกเขาเป็นโบรคเกอร์ ECN แต่ว่า ในความจริงแล้ว พวกเขาไม่มีระบบ
Straight Through Processing เลย

โบรคเกอร์ที่มีระบบ STP เพื่อที่จะสามารถให้ลูกค้าของพวกเขาส่งออร์เดอร์เข้าสู่ ตลาดกลางได้
เล NDD STP โบรคเกอร์นั้นมีคนให้สภาพคล่องหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยก็จะให้บริการ
Bid หรือ Ask ของช่วงราคาของพวกเขาเอง

สมมุติว่า โบรคเกอร์ NDD STP มีผู้สร้างสภาพคล่อง 3 ราย ในระบบนี้จะเห็นว่ามี คู่ราคาของ
Bid กับ Ask

Liquidity Provider A

Liquidity Provider B

Liquidity Provider C

Bid

1.2998

1.2999

1.3000

Ask

1.3001

1.3001

1.3002

ระบบของพวกเขาจะแยก Bid กับ Ask จากราคาดีที่ดีที่สุดไปยังราคาที่ไม่ดีที่สุด ในกรณีนี้ ราคา
ที่ดีที่สุดคือ 1.30000(คุณต้องการ Sell ที่ราคานี้) และราคา Ask ที่ดีที่สุดคือ 1.30001(คุณ
ต้องการ Buy ที่ราคานี้) ราคา Bid และ Ask ของตอนนี้ คือ 1.30000 / 1.30001

และนี่ก็คือราคาที่คุณเห็นในโปรแกรมของคุณหรือไม่?

แน่นอนว่าไม่ !

โบรคเกอร์ไม่ได้เป็นกองทุนการกุศล โบรคเกอร์ของคุณไม่ได้จับคู่ราคาเหล่านี้ให้คุณฟรี ๆ !

เนื่องจากงานที่วุ่นวายของพวกเขา โบรคเกอร์ของคุณจะเพิ่มส่วนเล็ก ๆ เข้าไปใน Spread ถ้า
นโยบายของพวกเขาคือ 1 จุด ราคาที่คุณจะเห็นบนโปรแกรมของคุณคือ 1.2999/1.3002. นั่น
คือ 3 จุด 1 Spread สาหรับเขา จะกลายเป็น 3 จุดสาหรับคุณ

ดังนั้นเมื่อคุณอยากจะ Buy EUR/USD ที่ 100,000 หน่วย ที่ราคา 1.3002 ออร์เดอร์ของคุณจะ
ถูกส่งไปยังผู้ให้สภาพคล่อง A หรือ B.

ถ้าออร์เดอร์ของคุณแมทช์กับ ผู้ให้สภาพคล่อง A หรือ B พวกเขาจะมี ออร์เดอร์ Sell 100000
หน่วยของค่าเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.30001 และคุณจะมีออร์เดอร์ Buy 100000 หน่วยของ
ค่าเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.30002 โบรคเกอร์ของคุณจะได้กาไร 1 จุด

การเปลี่ยน bid/ask เป็นเหตุผลว่าทาไม Broker STP ส่วนใหญ่ มี Spread เคลื่อนไหวอยู่
ตลอดเวลา ถ้า Spread ของ ผู้ให้สภาพคล่องของตลาดห่างกัน พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก แต่
บางโบรคเกอร์ก็มีแบบ Fixed Spread เหมือนกันแต่ส่วนใหญ่จะเป็น Spread ไม่คงที่

แล้ว ECN โบรคเกอร์คืออะไร?

โบรคเกอร์ ECN จริง ๆ จะส่งออร์เดอร์ของลูกค้าเข้าไปแมทช์กับออร์เดอร์ของคนอื่นในตลาดที่
ผ่านระบบ ECN เหมือนกัน

คนอื่นอาจจะเป็น ธนาคาร นักเทรดรายย่อย เฮดจ์ฟัน หรือแม้แต่โบรคเกอร์ ซึ่งผู้เทรดแต่ละคน
จากแต่ละโบรคเกอร์จะมี Bid และ Ask ในราคาที่ต่างกัน

ECN โบรคเกอร์จะทาให้ลูกค้าสามารถเห็นปริมาณการเทรดในตลาดว่าคนอื่นเค้าเทรดอะไรที่
ไหน เพราะว่า ธรรมชาติของ ECN นั้น โบรคเกอร์จะคิดค่าธรรมเนียมน้อยนิด จากการแมทช์ออร์
เดอร์ของลูกค้า

แล้วเราควรจะใช้โบรคเกอร์ประเภทไหน?

อันนี้ต้องแล้วแต่คุณ ไม่มีอะไรที่ดีกว่ากันเพราะว่า มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ประเภทไหน
และตัดสินใจเลือกว่าจะมี Spread แต่คุณต้องเสีย Commission แทน หรือ Spread เยอะ แต่ไม่
มีคอมมิชชั่น

ปกติแล้ว พวกเทรดรายวัน หรือพวก Scalper นั้นชอบเล่น Spread น้อย ๆ มากกว่า เพราะทา
กาไรได้ง่ายกว่า เพื่อที่จะลดต้นทุนออร์เดอร์ของพวกเขา

ขณะที่โบรคเกอร์ที่มี Spread กว้างดูเหมือนจะเหมาะกับการถือระยะยาว หรือเรียกอีกอย่างว่า
Position Trader.

เพื่อให้การตัดสินใจของคุณง่ายขึ้นหน่อย ต่อไปนี้นี้คือสรุปความแตกต่างระหว่าง Market
Makers STP brokers และ STP+ECN :

Dealing Desk
(Market Maker)

Fixed Spread

รับออร์เดอร์ตรงข้ามกับ เป็นสะพานเชื่อระหว่างนักเทรด เป็นสะพานระหว่างลูกค้าและผู้ทาสภาพคล่อง

กาฃร

No Dealing Desk (STP)

ส่วนใหญ่ Spread ไม่ตายตัว

No Dealing Desk (STP+ECN)

Spread ไม่ตายตัว หรือมีคอมมิชชั่น

กับ คนทาสภาพคล่องของ

ตลาด

หรือ ผู้เทรดอื่น ในตลาด

เทรดของคุณ

เป็นราคาปลอม

ราคามาจาก ผู้เพิ่มสภาพคล่อง ราคามาจากผู้เพิ่มสภาพคล่อง และ จากลูกค้า

รายอื่น

ของ ECN โบรคเกอร์รายอื่น

ออร์จะถูกรับโดยโบรค

เกอร์จากราคาที่สร้างขึ้น ไม่มี

ส่งออร์เดอร์ระบบอัติโนมัติ และ ออร์เดอร์อัติโนมัติ ไม่มี re-quotesแสดง

re-quotes

ปริมาณการเทรดของตลาด หรือ ข้อมูลทาง

สาพคล่อง

โบรคเกอร์ไม่ใช่ปีศาจ ... หมายถึงส่วนใหญ่หน่ะ

อาจจะผิดที่คุณเคยได้ยิน หรือได้อ่านจากที่อื่นมา โบรคเกอร์ฟอร์เร็กซ์ไม่ได้ตั้งมาเพื่อโกงคุฯ
พวกเขาอยากทาธุรกิจกับคุณ และไม่อยากเสียลูกค้า ลองคิดดูถ้าคุณเสียเงินของคุณในการเท
รด พวกเขาก็เสียลูกค้าด้วยเช่นเดียวกัน

ลักษณะของโบรคเกอร์ Dealing Desk ไม่ได้ไม่เสียอะไรกับออร์เดอร์ของลูกค้า

โบรคเกอร์ได้เงินจากออร์เดอร์ของลูกค้า แตในขณะเดียวกัน ลูกค้าก็ต้องพยายามไม่ขาดทุนจน
หมดตัว เพราะโบรคเกอร์อยากให้ลูกค้าเทรดอยู่เสมอ !

สิ่งสาคัญ 6 อย่างในการเลือกโบรคเกอร์

ตลาดฟอร์เร็กรายย่อยนั้นมีสภาพการแข่งขันสูง แค่คิดก็ทาให้คุณปวดหัวแล้ว ในการคัดเลือก
โบรคเกอร์

การเลือกว่าโบรคเกอร์ไหนนั้นเป็นเรื่องสาคัญ ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณควรจะหาโบรคเกอร์ที่มีลักษณะ
อย่างไหร

ในส่วนนี้เราจะพูดถึงเรื่องของคุณภาพที่คุณควรจะมองหาในโบรคเกอร์

1. ความปลอดภัย

สิ่งแรกและสาคัญที่สุดของโบรคเกอร์ที่ดีคือ มีความปลอดภัยสูง คุณจะไม่เอาเงินไปให้กับคนที่
ไม่มีความน่าเชื่อถือหรอกใช่ไหม?

โชคดีที่ การตรวจสอบความน่าเชื่อถือนั้นไม่ได้ยาก มีตัวแทนหลายอองค์กรที่คอยแย่งแยก
ความน่าเชื่อถือของโรคเกอร์

ข้างล่างนี้เป็นรายชื่อของประเทศที่รับผิดชอบและหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้ :

สหรัฐฯ : National Futures Association (NFA) and Commodity Futures Trading Commission



(CFTC)

สหราชอาณาจักร: Financial Services Authority (FSA)
ออสเตรเลีย : Australian Securities and Investment Commission (ASIC)





สวิสเซอร์แลนด์ : Swiss Federal Banking Commission (SFBC)
เยอรมันนี: Bundesanstalt für Finanzdienstleistungsaufsicht (BaFIN)
ฝรั่งเศส : Autorité des Marchés Financiers (AMF)







ก่อนที่คุณจะเอาเงินฝากเข้าไปในโบรคเกอร์ ต้องแน่ใจว่า โบรคเกอร์ของคุณเป็นสมาชิกของ
องค์ก่อนที่เรากล่าวถึง

2. ต้นทุนการจัดการออร์เดอร์

ไม่สาคัญว่า คุณเป็นเทรดเดอร์ประเภทไหน คุณจะชอบหรือไม่ แต่คุณเทรด คุณจะมีต้นทุนของ
ออร์เดอร์ของคุณ

ทุก ๆ ครั้งที่คุณเข้าเทรด คุณจะต้องจ่าย Spread หรือ Commission ดังนั้น คุณต้องหาอัตราที่
ถูกที่สุด แต่บางครั้งคุณก็ต้องยอมสละต้นทุนที่ถูกเพื่อจะเทรดในโบรคเกอร์ที่น่าเชื่อถือ

คุณต้องรู้ว่า ถ้าคุณเทรดคุณต้องการ Spread น้อยขนาดไหน และทบทวนดูทางเลือกของคุณ
ซึ่งเพื่อหาต้นทุนการจัดการออร์เดอร์ที่ถูกที่สุด

3.การฝากและการ ถอน

โบรคเกอร์ที่ดีจะให้คุณฝากและถอนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะว่า โบรคเกอร์ไม่มีเหตุผลใน
การให้คุณถอนกาไรที่คุณได้ยากเพราะว่าเหตุผลเดียวที่เขาไม่อยากให้คุณถอนคือ พวกเขาให้
คุณเทรดไปเรื่อย ๆ

โบรคเกอร์ของคุณนั้นอยากให้คุณมีเงินในบัญชีเทรดเพรือให้คุณเทรดง่ายขึ้น ดังนั้นไม่มีเหตุผล
ที่คุณจะต้องถอนกาไรของคุณออกยาก โบรคเกอร์ของคุณต้องมีขั้นตอนการถอนที่รวดเร็ว และ
เรียบง่าย

ระวังโบรคเกอร์ที่ขี้โกง

พวกเขาเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราพูดถึงในตอนแรก ๆ คือโบรคเกอร์ที่กักออร์เดอร์ของลูกค้าไว้ไม่ยอม
ส่งเทรด

คุณเคยดูเรื่อง Boiler Room?

น่า อย่าบอกว่า ไม่ได้ดู คาพูดที่เป็นตานานของ Ben Affleck ?!

"พวกเขาบอกว่าเงินไม่สามารถซื้อความสุขได้? มองดูยิ้มบนใบหน้าที่ยิ้มจนแก้มปริส!"


และปรัชญาเหล่านี้ทาให้คนเปิดโบรคเกอร์ขี้โกง

ที่มาขอชื่อเนื่องจากที่ พวกเขารับออร์เดอร์ทางโทรศัพท์จากลูกค้าและจดในเศษบิล (ซึ่งไม่ใช่
ของลูกค้า แล้วทามันหาย เลยไม่ได้ส่งออร์เดอร์

โดยไม่มีการส่งออร์เดอร์จริง ๆ ลูกค้าก็จะแทงพนันกับโบรคเกอร์ขี้โกงเหล่านี้ผู้ซึ่งเรียกว่า
Bucketeers

ซึ่งคนเหล่านี้ ไม่ได้สนใจกับราคาที่ลูกค้ากาลังเทรด นั่นหมายความว่าพวกเขาโกหก และบอก
ลูกค้าว่าราคานั้น เคลื่อนไหวตรงข้ามกับออร์เดอร์ที่เขาเทรด และทาให้พวกเขาขาดทุน ทั้งที่มัน
ไม่จริง

แต่ต้องขอบคุณ อินเตอร์เนท ลูกค้ามีทางเลือกที่จะบอกได้ว่า โบรคเกอร์นั้นโกงรึเปล่า ต้อง
ขอบคุณ Al Gore อีกครั้ง(คนคิดค้นอินเตอร์เนท)

คุณโชคดีที่มารู้จัก BabyPips.com เพราะเราอยากช่วยให้ไม่ต้องเจอกับคนเหล่านี้

การจะแยกโบรคเกอร์ที่ดีออกจากไม่ดี เรามี ReviewPips.com ที่ซึ่งกลุ่มนักเทรดมีการ
ช่วยเหลือกันในการโพสต์ Feedback .

คุณต้องเช็คเว็บบอร์ดของเราด้วย ซึ่งเพื่อนนักเทรดของเราได้แชร์ประสบการณ์จากการใช้
โบรคเกอร์ต่าง ๆ forex forums

ดังนั้นก่อนที่คุณจะฝากเงินของคุณไว้กับใคร คุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงคนขี้โกงเหล่านี้ ซึ่งมีอยู่
รอคุณเต็มไปหมด !

ป้องกันตัวคุณเอง

บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่าเป็นคนแคระท่ามกลางโบรคเกอร์ตัวใหญ่โตน่ากลัว ไม่ได้หมายความว่า
คุณต้องรับข้อเสนอของพวกเขา เพราะว่าคุณรู้สึกไม่สบายใจ ที่โบรคเกอร์เอาเปรียบ คุณ
สามารถใช้เกณฑ์ง่าย ๆ ในการประเมินพวกเขา

เปรียบเทียบราคา

ลองจินตนาการถึงม้าที่ถูกบังตาอยู่ ซึ่งม้าเหล่านี้จะถูกจากัดการมองเห็น ถ้าเกิดมี เครื่องกีด
ขวางอยู่ข้างหน้า ม้าไม่มีทางเลือกอื่น ๆ แน่อนนอกจากการกระโดดข้ามไป ม้าเหล่านี้เป็นม้าที่
น่าสงสาร

ถ้าคุณใช้แต่โปรแกรมเทรดของโบรคเกอร์ของคุณเท่านั้นอย่างเดียวในการเทรด คุณก็เป็น
เหมือนม้าที่ถูกบังตาด้านข้างนั่นเอง

คุณไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดฟอร์เร็กซ์เพราะว่า คุณจากัดตัวคุณเองอยู่กับโบรคเกอร์
เดียว ถ้าเกิดโบรคเกอร์ของคุณเลือกจะขยาย Spread ออกไป ทาให้ Stop loss ของคุณน้อยลง
คุณจะไม่มีทางรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตลาด

คุณคงไม่มีอยากเป็นม้าที่น่าสงสารตัวนั้น เพราะว่าคุณเป็นนักเทรดที่ฉลาด คุณต้องดูภาพรวม
ตลาดของที่อื่น ๆ ด้วย

ถ้าคุณลงทะเบียนใช้การแจ้งราคาของโบรคเกอร์อื่นด้วย คุณก็สามารถดูตลาดจิรงได้ และคุณมี
โอกาสในการยืนยันว่า ราคาได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้นจริง ๆ

บันทึกทุก ๆ อย่าง

คุณต้องจดรายละเอียดเกี่ยวกับออร์เดอร์แต่ละเทรดของคุณ เสมอ ๆ เหมือนกับที่คุณอยู่ในศาล
ที่คุณต้องมีหลักฐานในคดีความ คุณอาจจะถูกโกง แต่ว่าคุณไม่มีอะไรสนับสนุนความบริสุทธิ์
ของคุณ มันก็จะกลายเป็นแค่ความรู้สึก

วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การบันทึก ภาพหน้าจอไว้ในแต่ละออร์เดอร์ที่คุณส่ง หรือว่า คิดว่า โบรคเกอร์มี
ท่าทางแปลก ๆ

ไม่เพียงแต่ว่าเป็นการบันทึกการเทรด แต่ว่าคุณจะเริ่มคุ้นเคย และถ้าเกิดคุณถูกโกง ด้วยการ
บันทึกการเทรด คุณสามารถมั่นใจได้ว่า คุณมีหลักฐานในการสนับสนุนคาพูดของคุณ

การใช้เอกสารทางกฏหมาย

ถ้าคุณไม่สามารถยุติข้อขัดแย้งกับโบรคเกอร์ของคุณได้ ถึงเวลาที่คุณต้องใช้กฏหมายเข้าช่วย
ซึ่งส่วนใหญ่จะยอม แต่ถ้ายังไม่ตอบสนอง หรือไม่ยอมรับผิดชอบคุณสามารถร้องเรียน กับ
Commodity Futures Trading Commission (CFTC) หรือ the National Futures
Associations (NFA).

CFTC จะมี Reparations program ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายอะไร ยุติธรรม ต่อลูกค้า และ
ช่วยแก้ไขปัญหาระหว่าง ลูกค้าในตลาด Futures หรือ ตลาด Commodity คุณสามารถ
ตรวจสอบได้ที่นี่ here.

นอกจากนี้ ยังมี NFA ซึ่งมี Arbitration/Mediation program ที่จะช่วย โบรกเกอร์ FCM และ
ปัญหาของลูกค้า รายละเอียดคุณสามารถหาได้จากเว็บของ NFA website.

นิสัยการเทรดที่ดี

เหมือนแม่ชีที่มีระเบียบ จนกลายเป็นนิสัย คุณก็ต้องพัฒนานิสัยการเทรดที่ดี เรารู้ว่า การ
เปรียบเทียบของเราดูไม่ค่อยตลกเท่าหร่ แต่ว่า มันก็ตลกดี นะ ในกรณีนี้อาวุธที่เราใช้ในการ
ปกป้องตัวเองจากโบรคเกอร์ที่ชั่วร้าย คือ การพัฒนาให้ตัวเองเป็นนักเทรดที่ดี

รู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าคุณจะใช้โปรแกรมเทรดล้ายุคขนาดไหน หรือว่า คุณใช้เวลาหาโบรคเกอร์ที่ดี
ขนาดไหน ระบบเทรดของคุณจะซับซ้อนขนาดไหน ถ้าคุณไม่มีวินัย คุณก็จะจบด้วยการขาดทุน

เราสามารถโทษโบรคเกอร์ได้ แต่ว่า สุดท้ายก็เป็นทางเลือกของคุณ ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร

การเปิดบัญชีฟอร์เร็กซ์

หลังจากที่คุณหาโบรคเกอร์ได้แล้ว คุณสามารถเปิดบัญชีได้เลย มีขั้นตอน 3 ขั้นง่าย ๆคือ:

เลือกประเภทบัญชี
ลงทะเบียน
ยืนยันบัญชีเทรดของคุณ

1.

2.

3.

ก่อนที่คุณจะเทรดด้วยเงินที่คุณหามายากลาบาก คุณต้องเทรดบัญชี ทดลองเทรดก่อน(เดโม)
คุณสามารถเปิดซัก 2 – 3 บัญชีดู ทาไมหน่ะหรอ? มันฟรีหนิ ลองเทรด สองสามโบรคเกอร์ที่
แตกต่างกันเพื่อให้คุณได้ความรู้สึกที่ใช่จริง ๆ

การเลือกประเภทบัญชี

เมื่อคุณพร้อมที่จะเปิดบัญชีเทรดจริงๆ คุณต้องเลือกประเภทของบัญชีที่คุณต้องการ: แบบบัญชี
ส่วนบุคคล หรือ บัญชีธุรกิจ

ในอดีตเมื่อคุณเปิดบัญชีเทรด คุณต้องเลือกว่าจะเปิดบัญชีแบบ Standard หรือ บัญชี Mini และ
Micro

ตอนนี้มันไม่ได้ยุ่งยากเมื่อโบรคเกอร์ส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณเทรดแบบมาตรฐานได้เพราะว่า นัก
เทรดหน้าใหม่ที่ประสบการน้อย ซึ่งมีเงินทุนน้อยจะได้มีโอกาส และบัญชีมีความยืดหยุ่น ซึ่งคุณ
ไม่ต้องเทรดด้วยขนาด Lot ที่คุณรู้สึกว่า คุณอาจจะเสียเงินนั้นในออร์เดอร์เดียว

จาไว้เสมอ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆว่า : อ่านเงื่อนไขให้ดี

บางโบรคเกอร์มีบัญชีแบบ "Managed account" เป็นทางเลือกในใบสมัครของคุณ ถ้าคุณ
ต้องการให้โบรคเกอร์เทรดเพื่อคุณ คุณสามารถเลือกได้ แต่ว่า คุณอยากจะทาอย่างนั้นจริง ๆ
หรอ? แล้วคุณจะอ่านบทเรียนทั้งหมดของเรามาทาไม? ถ้าคุณไม่เทรด แล้วให้คนอื่นมาเทรด
แทนคุณ !

นอกจากการเปิดบัญชีแบบ Managed account ต้องใช้เงินขั้นต่าที่สูง ปกติ 25,000 เหรียญ
หรือเยอะกว่านั้น และผู้จัดการบัญชีก็ต้องแบ่งกาไรของคุณไปด้วย

สุดท้าย คุณต้องรู้ว่าต้องเปิดบัญชี forex spot account ไม่ใช่เทรด forwards หรือ futures
account.

การลงทะเบียน

คุณต้องส่งเอกสารเพื่อเปิดบัญชีซึ่งแตกต่างตามเงื่อนไขของโบรคเกอร์ ส่วนใหญ่จะต้องอยู่ใน
รูปแบบ PDF

และคุณต้องรู้ว่า จะต้องมีต้นทุนกันเท่าไหร่ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมของธนาคารที่ธนาคารคิด คุณ
จะแปลกใจว่ามันไม่ถูกเลย หมายความว่าพวกเขาเอาเงินจากบัญชีเทรดของเราไป

การยืนยันตัวตน

เมื่อโบรคเกอร์ได้รับเอกสาร คุณควรได้รับ อีเมล์ด้วยพร้อมกับคาแนะนาในการยืนยันตัวตนของ
บัญชีเทรดของคุณ หลังจากที่คุณผ่านขั้นตอนนั้นแล้ว คุณจะได้รับ username, password,
และคาแนะนาในการฝากเงินเข้าบัญชี

หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของคุณ ในการ Login และ Trade ยากไหม?

ถึงเวลา log in เปิดกราฟ และเริ่มเทรด !

แต่เดี๋ยวก่อน

เราต้องแนะนาให้คุณเทรดบัญชี Demo ไม่ต้องอายในการเทรดบัญชีเดโม เพราะทุกคนก็ต้อง
เริ่มกันทั้งนั้น

ถ้าคุณเทรดบัญชีเดโมอย่างน้อย 6 เดือนคุณสามารถลองบัญชีจริงได้ เราแนะนาว่า ควรจะลง
เงินน้อย ๆ ก่อน แล้วดูว่าคุณอยากเสี่ยงซักเท่าไหร่ก่อนดี

การเทรดบัญชีจริงนั้นแตกต่างกันอย่างมาก เหมือนกับคุณต้องสู้กับ Manny Pacquiao.

ไม่สาคัญว่าคุณจะประสบความสาเร็จในการเทรดเดโมขนาดไหน ไม่มีอะไรมาแททนความรู้สึก
ในการเทรดเงินจริงได้

ที่มา : https://docs.google.com/viewer?a=v&pid=sites&srcid=ZGVmYXVsdGRvbWFpbnxuaXJhbm1haGFkbGVrfGd4OjdjMDk2YzE0M2ZlNjVhYzk

ทำไมต้องเทรดForex


คุณสมบัติเฉพาะของตลาด Forex

     1.ความยืดหยุ่น ตลาดมีมูลค่าการซื้อ-ขายต่อวัน ในปริมาณมหาศาล จึงสามารถเปิดคำสั่งซื้อ หรือขายได้ทุกจุดของราคาในเวลาที่ตลาดเปิด ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อ-ขาย ได้ตลอดเวลาในปริมาณที่ต้องการ

     2.ความพร้อม ด้วยที่ตลาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง การซื้อ-ขาย ในตลาดนี้จึงสามารถทำได้ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากตลาดทางการเงินอื่น ๆ

     3.ระยะเวลา ตลาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง จึงสามารถทำการซื้อ-ขายได้ตลอดเวลา

     4.ยืดหยุ่นต่อระบบการเทรดแบบต่าง ๆ การเปิด Order สามารถกำหนดแบบล่วงหน้าได้ซึ่งสะดวก และยึดหยุ่นต่อนักลงทุนในการวางแผนการลงทุน

     5.ค่าดำเนินการในตลาด Forex การซื้อ-ขาย ไม่มีค่าดำเนินการอื่นใดนอกจาก Spread ซึ่งก็คือส่วนต่างของราคา bid-offer ระหว่างความต้องการซื้อ-ความต้องการขาย เท่านั้น

     6.ข้อเสนอราคาร่วมในระหว่างที่ตลาดมีความผันผวนสูง คำสั่งซื้อ-ขายอาจมีปริมาณมาก และหลุดกรอบจากราคาปกติของตลาด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ที่อาจเกิจขึ้นได้ คำสั่งซื้อ-ขาย อาจจะดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน ณ จุดราคาหนึ่ง

     7.แนวโน้มคลาด อัตราแลกเปลี่ยนอาจเคลื่อนไหวในทิศทางที่ชัดเจนเมื่อดูภาพรวมที่กว้างแต่เมื่อดูในระยะสั้นก็อาจจะมีการเคลื่อนไหวได้ นักลงทุนจึงสามารถหาช่วงจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า-ออกตลาดได้เสมอ

     8.เงินประกัน ในการเทรดแบบเครดิต "Leverage" (Margin-เงินประกัน) นั้น จะกำหนดระหว่างลูกค้าและธนาคาร หรือโบรกเกอร์ซึ่งโดยทั่วไปอาจจะใช้ที่ 1:100 หมายความว่าเมื่อลูกค้าวางหลักประกันที่ $1000 ลูกค้าจะได้รับเครดิตในคำสั่งซื้อ-ขาย เป็น $100,000 ซึ่งการใช้ Leverage นี้ จะช่วยในการทำกำไรได้มากขึ้นแต่ทั้งนี้ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วย

     ผู้เกี่ยวข้องในตลาด Forex

ธนาคารกลางพาณิชย์
ธนาคารกลาง
ตัวแทนแลกเปลี่ยนเงินตรา
กองทุนรวม
โบรกเกอร์

มารู้จัก อะไรคือ Forex กันก่อน


FX หรือ Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา

       Forex Market หรือ ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า US$ 4 trillion (4 ล้านล้านดอลล่าร์) ต่อวัน หรือปริมาณ 3 เท่าของตลาดหุ้นทุกชนิดในโลกรวมกัน เป็นตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องสูงมาก ตลาดเปิดทำการซื้อขาย 24 ชั่วโมง ตลอดวันทำการโดยหยุดการซื้อขายแค่วัน เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น และเปิดตลาดช่วงเช้าของวันจันทร์ เวลา 04.00 น. และปิดวันเสาร์ 04.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

     Forex Market Exchange คือ เป็นตลาดกลางสำหรับธนาคาร ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 1971 เมื่อการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนจากระบบตายตัวเป็นแบบลอยตัว ตลาดนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนโดยคนกลางในการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างสกุลต่าง ๆ ในอัตรา และวันที่กำหนด ในการแลกเปลี่ยนนั้น อัตราแลกเปลี่ยน กำหนดขึ้นจากพื้นฐานของความต้องการของตลาด ซึ่งแต่ละฝ่ายยอมรับ

     ตลาดของการแลกเปลี่ยนเงินตราในตลาดโลก ได้ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการค้าระหว่างประเทศ และการล้มเลิกอัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัวในหลาย ๆ ประเทศ ในกลางปี 1998 มีปริมาณการแลกเปลี่ยนเงินตราคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1,982 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน (การแลกเปลี่ยนนี้ เกิดขึ้นในตลาดลอนดอนกว่า 32% ตลาดนิวยอร์ค 18% และตลาดเยอรมันประมาณ 10%) ไม่เฉพาะขนาดของการแลกเปลี่ยนที่เติบโตขึ้น แต่รวมทั้งอัตราของการแลกเปลี่ยนด้วย ในปี 1977 มีปริมาณการทำธุรกรรมประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มขึ้นเป็น 600 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเข้าสู่หลัก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 1992 ซึ่งในการเติบโตนี้ ผู้ดำเนินการในการแลกเปลี่ยน สามารถเพิ่มรายได้ขึ้นกว่า 80% ซึ่งมีทั้งสถาับันการเงิน และนักลงทุนทั่วไป

    จากการพัฒนาขึ้นอย่างมากของคอมพิวเตอร์ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับตลาดเป็นอย่างมาก และในการนี้ตัวกลางมืออาชีพ ได้มีความสำคัญขึ้นอย่างมาก การแลกเปลี่ยน ซึ่งเมื่อก่อน ต้องขึ้นอยู่กับธนาคารขนาดใหญ่นั้น ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการเติบโตของการตลาดบนอินเทอร์เน็ต ธนาคารได้เริ่มนำเสนอบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลทั่วไป โบรกเกอร์ออนไลน์เข้ามามีส่วนแบ่งกว่า 11% ของตลาด ปริมาณการแลกเปลี่ยนของธนาคารขนาดใหญ่ (เช่น Deutsche Bank, Barclays Bank, Union Bank of Switzerland, Ctitibank, Chase Manhattan Bank, Standard Chartered Bank) เพิ่มขึ้นมาเป็นกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐ

      Forex เป็นการซื้อขายค่าเงินโดยเงินที่มีการซื้อขาย ต้องอยู่ในระบบแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่งค่าเงินต่าง ๆ จะมีการจับคู่ซื้อขาย โดยราคาจะเปลี่ยนไปตามอัตราการแลกเปลี่ยนของค่าเงินทั้งสอง เช่น ระหว่างค่าเงินยูโรกับเงินดอลล่าร์อเมริกา (EUR/USD) ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบค่าเงินว่า เมื่อเราซื้อยูโรจะขายได้ในราคาดอลล่าอเมริกาที่ราคาเท่าไหร่กำไรที่เกิดจะมาจากอัตราการแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงไป หรือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น (USD/JPY) เป็นต้น

     อีกหนึ่งความน่าสนใจของตลาด Forex คือ ไม่ว่ามันจะแปลกแค่ไหน คือ ความแน่นอน อย่างที่ทราบการร่วงลงอย่างรุนแรงเกิดขึ้นได้เสมอในตลาดทุน แต่ไม่เหมือนกับตลาด Forex ไม่ได้ตกลง เพียงแต่เป็นการแข็งค่าขึ้น ของค่าเงินหนึ่ง เมื่อเทียบกับอีกค่าเงินหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เงินเยน แข็งค่าขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ในช่วงปี 1988 ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐตกลงกว่า 12% อย่างไรก็ดี ตลาดไม่ได้ร่วงลงที่ใดที่หนึ่ง การแลกเปลี่ยนยังคงเกิดขึ้นสม่ำเสมอ ไม่ถูกต้องที่ว่าตลาดนี้มีความแน่นอน ตลาด Forex นั้นไม่แน่นอน มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้นักลงทุนสามารถเข้า-ออกตลาดได้เสมอ

     ต้นทุนในการเข้าสู่ตลาดนี้ลดลงอย่างมากในความเป็นจริง อาจจะต้องใช้เงินนับพันเหรียญสหรัฐในการเข้าคอร์สอบรมซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือซื้อหาข้อมูลการลงทุน และเปิดบัญชีซซื้อ-ขาย ซึ่งไม่มีธุรกิจอื่น ที่สามารถเริ่มต้นได้ ด้วยทุนเพียงเท่านี้ ด้วยข้อเสนอบริการที่หลากหลาย การค้นหาโบรกเกอร์ที่มีความมั่นคง และน่าเชื่อถือก็เป็นเรื่องสำคัญ และที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในการซื้อ-ขายของนักลงทุน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเอง

     สิ่งสำคัญในการที่จะประสบความสำเร็จในตลาดนี้ ไม่ใช่เงินทุนที่มีแต่สิ่งสำคัญ อยู่ที่การศึกษาการเคลื่อนไหวของตลาด เข้าใจถึงกลไก และผลของอัตราดอกเบี้ย รวมถึงวินัยของตัวเอง ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จได้เพียงเพราะทุนมาก เพราะตลาดนั้นมีขนาดใหญ่มาก แม้แต่ธนาคารเองที่มีทุนมหาศาล ก็ยังไม่อาจกำหนดตลาดได้

     จอร์จ โซรอส นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จในตลาดการเงิน ก็ไม่ได้เอาชนะธนาคารกลางของอังกฤษได้ เค้าเพียงแต่เดาอย่างถูกต้อง ซึ่งในครั้งนั้น มีหลายอย่างสื่อถึงการที่ไม่ควรถือเงินสกุลปอนด์อังกฤษ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ธนาคารอังกฤษต้องทุ่มเงินกว่า 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อคงระดับค่าเงิน โดยอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาด และครั้งนั้น จอร์จ โซรอส ทำกำไรได้กว่าพันล้าน ระบบการเงินแบบเก่าของโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว และนี่คือสองสิ่งสำคัญ ที่เกิดขึ้นในระบบการเงินใหม่ ของโลก

The Forex Quotes are Powered by Investing.com - The Leading Financial Portal.